แอนโดรเมรอส
ในปี ค.ศ. 1981 หลังจากที่ "อุลตร้าแมน 80" ได้แพร่ภาพจบลงไป ทางสำนักพิมพ์โชงัคคังจึงได้เปิดตัว "อุลตร้าแมนเมรอส" ในนิตยสาร "เทเลบิคุง" ฉบับเดือนพฤษภาคม จากนั้นจึงได้เริ่มตีพิมพ์เป็นภาพประกอบนิตยสารและการ์ตูนเรื่อง "อภิมหาตำนานอุลตร้า" ซึ่งเป็นผลงานการวาดของ อาจารย์อิมูระ ชินจิ โดยใช้ชื่อไตเติ้ลรวมๆกันว่า "ตำนานพี่น้องอุลตร้า แอนโดรเมรอส" ตั้งแต่ฉบับเดือนมิถุนายน แล้วหลังจากนั้นจึงค่อยมีการเปลี่ยนชื่อไตเติ้ลในเวอร์ชั่นการ์ตูนเป็น "อภิมหาตำนานอุลตร้า สุดยอดอัศวินแอนโดร" ในขณะที่มีการลงตีพิมพ์ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 แต่นอกจากเรื่องที่ว่ามีตัวละครเหมือนกันแล้ว ทั้งพล็อตเรื่องและการดำเนินเนื้อเรื่องในฉบับการ์ตูนก็จะแตกต่างออกไปจากทีวีซีรีส์โดยสิ้นเชิง ดังนั้นนี่จึงถือเป็นผลงานนอกตำนานของซีรีส์อุลตร้าซึ่งมักจะไม่ค่อยได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสารรวมผลงานต่างๆอย่างเช่น หนังสือสารานุกรมสัตว์ประหลาดอุลตร้า และอื่นๆสักเท่าไรนัก
ตอนแรกนิตยสารสำหรับเด็กในยุคนั้นได้มีการโปรโมทว่า แอนโดรเมรอส คือ โซฟี่ พี่ชายคนโตในหมู่พี่น้องอุลตร้าที่สวมชุดเกราะ คอสโม่เทคเตอร์ ซึ่งได้รับมาจากนักรบตระกูลแอนโดรเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริง แต่หลังจากที่เขาได้ประลองฝีมือเพื่อตัดสินชี้ขาดกับ จูด้า ศัตรูตัวฉกาจแล้ว เขาจึงได้คืน คอสโม่เทคเตอร์ ให้กับ วูลฟ์ แล้วกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในฐานะของ โซฟี่ ดังเดิม ต่อมา บูโนว่า นักรบจากตระกูลแอนโดรก็เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยพิทักษ์แอนโดรในฐานะของ แอนโดรเมรอส คนที่ 2 แทน และสืบทอดเจตนารมณ์ที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องสันติสุขของอวกาศต่อไป หลังจากนั้นเขาก็ได้รับตราอิสริยยศที่เรียกว่า "อุลตร้าครอส" มาจาก โซฟี่ ที่เป็นเมรอสรุ่นแรก นอกจากนี้ยังได้มีการวางคาแรกเตอร์ให้ อุลตร้าเซเว่น เป็น แอนโดรวูลฟ์ ส่วน อุลตร้าแมน เป็น แอนโดรมาร์ส อีกด้วย
ขณะเดียวกัน กัวร์ ที่ปรากฎตามภาพประกอบในนิตยสารนั้นได้ถูกวางคาแรกเตอร์ให้เป็นพ่อของ 3 พี่น้อง โมลด์ , จูด้า และ กีน่า ( ที่จริงพวกมันเป็นร่างแยกของกัวร์ ) ผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถปกครองได้ทั้งจักรวาล โดย จูด้า ที่ปรากฎอยู่ในนี้ก็จะไปปรากฎในเรื่อง "อุลตร้าแมนสตอรี่" ซึ่งเป็นผลงานภาพยนตร์ที่กล่าวถึงพัฒนาการของ อุลตร้าแมนทาโร่ ด้วย ในฐานะของตัวการแห่งความชั่วร้ายผู้สร้างมิติที่บิดเบี้ยวไปทั่วทั้งจักรวาล
อนึ่ง,ผลงานที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสารนั้นมีดังต่อไปนี้
ภาพประกอบในนิตยสาร "ตำนานพี่น้องอุลตร้า ( อภิมหาตำนานอุลตร้า สุดยอดอัศวินแอนโดร )" ปี ค.ศ. 1981 ~ 1983
การ์ตูน "อภิมหาตำนานอุลตร้า" ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร เทเลบิคุง ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1981~1986 วาดโดย อ.อิมูระ ชินจิ
การ์ตูน "ศึกทางช้างเผือกของนักรบอุลตร้า" ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร โชงัคคุซังเน็นเซย์ ( ประถม 3 ) ฉบับเดือน มิ.ย. ปี ค.ศ.1981 ~ เดือน มี.ค. ปี ค.ศ.1982 วาดโดย อ.อุจิยามะ มาโมรุ
การ์ตูน "แอนโดรเมรอส" ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร โชงัคคุอิจิเน็นเซย์ ( ประถม 1 ) ฉบับเดือน เม.ย. ปี ค.ศ.1982 ~ เดือน มี.ค. ปี ค.ศ. 1983 วาดโดย อ.คาตาโอกะ เท็ตสึจิ
การ์ตูน "แอนโดรเมรอส" ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร โชงัคคุนิเน็นเซย์ ( ประถม 2 ) ฉบับเดือน เม.ย. ปี ค.ศ.1982 ~ เดือน มี.ค. ปี ค.ศ. 1983 วาดโดย อ.ยามาดะ โกโร่
ในจำนวนดังกล่าวนี้ เรื่อง "อภิมหาตำนานอุลตร้า" ของ อ.อิมูระ ชินจิ ได้รับการตีพิมพ์ออกมาเป็นฉบับรวมเล่มแบบ 2 เล่มจบ โดยสำนักพิมพ์ไดโตะ ส่วน "แอนโดรเมรอส" เวอร์ชั่นการ์ตูนของ อ.คาตาโอกะ เท็ตสึจิ ก็ได้ถูกทำเป็นรวมเล่มออกมาแบบ 5 เล่มจบ โดยเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น "ตำนานพี่น้องอุลตร้า" โดยสำนักพิมพ์ฟุทาบะ ซึ่งปัจจุบันนี้ทั้งสองเรื่องนี้ได้เลิกตีพิมพ์ไปแล้ว
หลังจากที่ภาพประกอบและการ์ตูนที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสารได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ทางทีมงานจึงได้ริเริ่มถ่ายทำ "แอนโดรเมรอส" ซึ่งเป็นรายการทีวีแนวสเปเชี่ยลเอฟเฟ็คท์ที่ถ่ายทำในรูปแบบของ VTR เป็นเรื่องแรกของประเทศญี่ปุ่น โดยได้เริ่มแพร่ภาพออกอากาศทางสถานี TBS ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 17:45 ~ 17:55 น. ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ไปจนถึงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1983 รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 45 ตอนด้วยกัน โดยจะเป็นการกล่าวถึงการต่อสู้ระหว่าง นักรบทั้ง 4 คน ซึ่งประกอบไปด้วย แอนโดรเมรอส , แอนโดรวูลฟ์ , แอนโดรมาร์ส และ แอนโดรโฟลว์ แห่งหน่วยพิทักษ์แอนโดร กับ กองทัพกัวร์
แม้ว่าจะมีการออกอากาศทางสถานี TBS แต่ก็มีอีกหลายๆเขต อย่าง เขตคันไซ หรือ เขตโตไก 3 จังหวัด ( จังหวัดไอจิ , จังหวัดกิฟุ , จังหวัดมิเอะ ) ที่ไม่ได้รับชม ดังนั้นซีรีส์นี้จึงถือเป็น "รายการในตำนาน" สำหรับเขตพื้นที่เหล่านั้นไป
ฝ่ายอัศวินแอนโดร
ANDROMEROS
ความสูง : 55 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 5 พันตัน
ความเร็วในการบิน : 15 มัค
ลักษณะพิเศษ : หัวหน้าหน่วยพิทักษ์แอนโดร
ผู้สวมเกราะคอสโม่เทคเตอร์สีเขียว และมีดวงตาเป็นรูปวงรี
ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ
ดับเบิ้ลเซเบอร์ : บูมเมอแรงอวกาศที่จะปรากฎออกมาจาก แอนโดรสป็อต ที่อยู่ตรงเอว
ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับการนำเอา ไอสลักเกอร์ ของ อุลตร้าเซเว่น 2 อัน
มาประกบกัน
และเมื่อยืดด้ามจับออกมันก็จะกลายเป็นหอก ดับเบิ้ลแลนเซอร์ ไปแทน
แอนโดรบีม : ลำแสงที่จะปล่อยออกมาจาก แอนโดรสป็อต ที่อยู่ตรงหน้าผาก
ซึ่งจะจำแนกออกเป็น ลำแสงความร้อน กับ ลำแสงพลังงานแม่เหล็ก
และเป็นท่าที่สุดยอดอัศวินแอนโดรทั้ง 4 คน สามารถใช้ได้เหมือนกันหมด
โดยทั้ง 4 คน ได้ยิงท่านี้พร้อมกันเพื่อกำจัด จูด้า ที่ถูกแช่แข็งให้แหลกเป็นผุยผง
คอสโม่ครอส : ดาวกระจายรูปกากบาทที่ติดอยู่ที่ด้านหลังฝ่ามือ
ซึ่งเป็นอาวุธที่อัศวินแอนโดรทั้ง 3 คน นอกจาก โฟลว์ มีเหมือนกัน
แต่ว่าในเรื่องทั้ง 3 คน จะไม่ได้นำมาใช้จริง
จะมีก็เพียงแค่คำอธิบายของผู้บรรยายเท่านั้น
เมรอสไวเปอร์ : ท่าป้องกันที่จะทำให้การโจมตีของศัตรูไร้ผล
ท่่านี้เป็นท่าที่ใช้พรางตา พาเซเลีย และทำให้ลมพายุของ พาเซเลีย สิ้นฤทธิ์
แกรนเทคเตอร์ : อาวุธสุดท้ายในตำนานที่นักวิทยาศาสตร์ตระกูลแอนโดรได้พัฒนาคิดค้นขึ้นมา
แล้วนำไปซ่อนไว้ที่ขั้วโลกเหนือบนดาวโลกเมื่อครั้งอดีตกาล
มันคือ คอสโม่เทคเตอร์ ที่แข็งแกร่งที่สุดในอวกาศ
ซึ่งจะเพิ่มพลังให้กับผู้สวมใส่ขึ้นอีกหลายสิบเท่า
เมรอสจะได้เกราะนี้มาครอบครองและสวมใส่มันในตอนที่ 40
แต่ในตอนสุดท้ายชุดเกราะนี้ก็ได้มอดไหม้ไปพร้อมกับ กัวร์
หลังจากที่สามารถพิชิตมันลงได้
เกรทสปาร์คเรย์ : ลำแสง 2 สาย ที่จะปล่อยออกมาจากแขนขวาได้
ภายหลังจากที่สวมชุดเกราะแกรนเทคเตอร์แล้ว
เมรอสได้ยิงลำแสงนี้อย่างต่อเนื่องจนสามารถทำลายยานรบสัตว์ประหลาด
ได้สำเร็จ
แลนเซอร์สปาร์ค : ลำแสงสายฟ้าที่ปล่อยออกมาจากดับเบิ้ลแลนเซอร์
ซึ่งได้รับการเพิ่มพลังด้วยชุดเกราะแกรนเทคเตอร์
และเป็นท่าที่ใช้ในการเผด็จศึกโมลด์
แกรนฟรีซ : สารแช่แข็งที่พ่นออกมาจากปลายนิ้วมือข้างขวา
ซึ่งจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อ เมรอส ต้องสวมเกราะแกรนเทคเตอร์เสียก่อน
ท่านี้เป็นท่าที่ใช้แช่แข็งจูด้า
แกรนสปาร์ค : คลื่นพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากแกรนเทคเตอร์เพื่อสะท้อนการโจมตีทุกชนิด
ในศึกสุดท้ายที่ปะทะกับ กัวร์ เมรอสได้ใช้ท่านี้สะท้อนการโจมตีของ กัวร์ ไปได้
ANDROWOLF
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 8 พันตัน
ความเร็วในการบิน : 15 มัค
ลักษณะพิเศษ : สุดยอดอัศวินแอนโดรผู้สวมเกราะคอสโม่เทคเตอร์สีเงินสลับแดง
และมีดวงตาเป็นรูปวงรี
ในภาคหนังสือการ์ตูนได้มีการกำหนดพล็อตเรื่องให้เขาเป็นชาวดาววูลฟ์
แต่ในตอนที่เขาปรากฎตัวออกมาเป็นครั้งแรกนั้น
เขาได้ถูกศัตรูลอบโจมตีจนต้องถูกนำตัวไปส่งที่ห้องพยาบาล
ซึ่งนับเป็นการเปิดตัวที่ไม่ค่อยน่าประทับใจสักเท่าไหร่นัก
ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ
ซอร์ด U : บูมเมอแรงอวกาศที่ติดอยู่ที่ไหล่ทั้ง 2 ข้าง
ซึ่งสามารถถอดออกมาจากไหล่ แล้วใช้เป็นมีดดาบขนาดใหญ่ได้
นอกจาก แอนโดรวูลฟ์ จะใช้อาวุธชนิดนี้ฟาดฟันทหารของกองทัพกัวร์มานับไม่ถ้วนแล้ว
เขายังใช้มันช่วยป้องกันการโจมตีจากขวานของ โมลด์ ได้อีกด้วย
U บูมเมอแรง : ท่าที่ แอนโดรวูลฟ์ จะเขวี้ยง ซอร์ด U ออกไปเฉือดเฉือนศัตรู
ซึ่งสามารถกำจัดพวกทหารของกองทัพกัวร์ให้พินาศได้
ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
แถมยังเป็นท่าที่สร้างความบอบช้ำให้แก่ ชิซูรุน
นอกจากนั้น แอนโดรวูลฟ์ ยังใช้ท่านี้ในการต่อสู้กับ โมลด์ บนดาวเดลูม่า
จนทำให้ขวานของมันหล่นลงบนพื้นและสร้างความได้เปรียบในการต่อสู้ให้กับเขา
ดับเบิ้ล U : ท่าไม้ตายอันทรงอานุภาพที่สุดของ แอนโดรวูลฟ์
ซึ่งจะกางแขนทั้งสองข้างที่ถือ ซอร์ด U ออกไปกว้างๆ
ก่อนที่จะเขวี้ยงพุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างรุนแรง
ท่านี้เป็นท่าที่ใช้ในการกำจัด ชิซูรุน
และทำให้ยานรบสัตว์ประหลาดอย่าง คิงโจ๊ก ต้องโซซัดโซเซมาแล้ว
เมื่อโดนท่านี้เล่นงานเข้าที่หัวเข่า
แอนโดรบีม : ลำแสงที่จะปล่อยออกมาจาก แอนโดรสป็อต ที่อยู่ตรงหน้าผาก
ซึ่งจะจำแนกออกเป็น ลำแสงความร้อน กับ ลำแสงพลังงานแม่เหล็ก
และเป็นท่าที่สุดยอดอัศวินแอนโดรทั้ง 4 คน สามารถใช้ได้เหมือนกันหมด
คอสโม่ครอส : ดาวกระจายรูปกากบาทที่ติดอยู่ที่ด้านหลังฝ่ามือ
ซึ่งเป็นอาวุธที่อัศวินแอนโดรทั้ง 3 คน นอกจาก โฟลว์ มีเหมือนกัน
ANDROMARUS
ความสูง : 54 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 4 พันตัน
ความเร็วในการบิน : 15 มัค
ลักษณะพิเศษ : สุดยอดอัศวินแอนโดรผู้สวมเกราะคอสโม่เทคเตอร์สีส้ม
และมีดวงตาเป็นรูปหกเหลี่ยม
เนื่องด้วยลักษณะของดวงตารูปทรงหกเหลี่ยมนี้เอง
จึงทำให้ใครๆต่างนึกถึง อุลตร้าเซเว่น
และเสนอความคิดเห็นมาว่าอยากจะให้ เซเว่น คือ ตัวจริงของแอนโดรมาร์ส
เพราะว่าหน้ากากของเขาจะมีสีขุ่นกว่าคอสโม่เทคเตอร์ของคนอื่นๆ
จึงทำให้มองไม่เห็นถึงลักษณะดวงตาของเขา
ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ
คอสโม่บาซูก้า : ท่าลำแสงไม้ตายที่ มาร์ส จะปล่อยออกมาจากหมัด
โดยใช้อุปกรณ์ควบคุมพลังงาน มาร์ส SP ที่ติดอยู่ที่แขนซ้ายเป็นตัวควบคุมพลัง
ท่านี้เป็นท่าที่ใช้ในการกำจัด ดัคมิลัน กับ เมก้าบัลตั้น มาแล้ว
นอกจากนี้ยังมีท่า สเปเชี่ยลคอสโม่บาซูก้า ซึ่งจะมีอานุภาพรุนแรงกว่าปกติอีกด้วย
คอสโม่ออร่า : แอนโดรมาร์ส จะระเบิดพลังงานความร้อนออกมาจาก คอสโม่พาแนล ทั่วทั้งร่าง
เพื่อแผดเผาศัตรูให้มอดไหม้ไปในชั่วพริบตา
ท่านี้เป็นท่าที่ แอนโดรมาร์ส ใช้กำจัด ซาบิเดน ลงได้
อนึ่ง,ท่านี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "มาร์สออร่า"
แอนโดรบีม : ลำแสงที่จะปล่อยออกมาจาก แอนโดรสป็อต ที่อยู่ตรงหน้าผาก
ซึ่งจะจำแนกออกเป็น ลำแสงความร้อน กับ ลำแสงพลังงานแม่เหล็ก
และเป็นท่าที่สุดยอดอัศวินแอนโดรทั้ง 4 คน สามารถใช้ได้เหมือนกันหมด
คอสโม่ครอส : ดาวกระจายรูปกากบาทที่ติดอยู่ที่ด้านหลังฝ่ามือ
ซึ่งเป็นอาวุธที่อัศวินแอนโดรทั้ง 3 คน นอกจาก โฟลว์ มีเหมือนกัน
ANDROFROL
ความสูง : 47 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 3 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : นักรบแอนโดรหญิงเพียงคนเดียวของทีม
ผู้สวมเกราะคอสโม่เทคเตอร์สีขาว และมีดวงตาเป็นรูปวงรี
ท่าไม้ตาย และ ความสามารถพิเศษ
โฟลว์สปาร์ค : ท่าที่ใช้ประกายแสงอันเจิดจรัสที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายในการกำจัดคู่ต่อสู้
ซึ่งเป็นท่าที่ใช้พิชิต กีน่า มาแล้ว
ซุปเปอร์บาเรีย : บาเรียอันทรงอานุภาพที่มีแต่ แอนโดรโฟลว์ ซึ่งเป็นลูกหลานของเชื้อพระวงศ์
แห่งชนชาวแอนโดรผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเป็นราชินีในอนาคตเท่านั้นจึงจะใช้ได้
ในตอนที่ 27 ขณะที่เหล่าสุดยอดอัศวินแอนโดรกำลังถูกศัตรูไล่ต้อนอยู่นั้น
แอนโดรโฟลว์ ก็ได้ปลดปล่อยพลังงานอันมหาศาลออกมาจากร่างกาย
เพื่อสร้าง ซุปเปอร์บาเรีย นี้ขึ้นมา
เพื่อใช้สะท้อนกระสุนแสงที่ยานรบสัตว์ประหลาด กิเอโรเนีย ยิงออกมา
โฟลว์วิงก์ : ปีกที่ดูคล้ายกับปีกของหงษ์ขาวซึ่งติดอยู่ที่หลังของ แอนโดรโฟลว์
ดูเหมือนว่ามันจะมีพลังพิเศษอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่
ขณะที่ แอนโดรโฟลว์ ถูก กีน่า พาตัวไปยังดาวกัวร์
โฟลว์วิงก์ นี้ก็เป็นตัวช่วยส่งกระแสจิตของ แอนโดรโฟลว์ ที่ต้องการความช่วยเหลือ
ไปจนถึงยานแอนโดร อีกทั้งยังช่วยนำยานแอนโดรที่ลงจอดอยู่บนดาวเดลูม่า
ให้ออกยานโดยอัตโนมัติเพื่อนำทางพวกเมรอสไปยังดาวกัวร์
แอนโดรบีม : ลำแสงที่จะปล่อยออกมาจาก แอนโดรสป็อต ที่อยู่ตรงหน้าผาก
ซึ่งจะจำแนกออกเป็น ลำแสงความร้อน กับ ลำแสงพลังงานแม่เหล็ก
และเป็นท่าที่สุดยอดอัศวินแอนโดรทั้ง 4 คน สามารถใช้ได้เหมือนกันหมด
ELPA
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 3 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ผู้อยู่อาศัยบน ดาวเอปป์ ดาวเคราะห์ของเหล่าวานรที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์
ซึ่งเป็นเพื่อนของแอนโดรวูลฟ์
ในอดีตเขาเคยสูญเสียเพื่อนไปเพราะตกหลุมพรางของกองทัพกัวร์
สุดท้ายเขาได้เอาตัวเข้าปกป้อง แอนโดรวูลฟ์ จนถูก จูด้า สังหาร
ฝ่ายกองทัพกัวร์
กองทัพกัวร์
ปีศาจร้ายแห่งจักรวาลที่เกิดจากการนำเอาเหล่ามนุษย์ต่างดาวจอมรุกรานที่ชั่วร้ายซึ่งหวังจะครอบครองจักรวาลทั้งหมดมารวมตัวกันก่อตั้งเป็นกองกำลังผสมที่เรียกว่า "กองกำลังรุกรานแห่งราชอาณาจักรกัวร์" โดยมีฐานทัพใหญ่อยู่ที่ดาวกัวร์ และมี จักรพรรดิกัวร์ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุด ตามมาด้วย 3 พี่น้อง ผู้นำกองกำลังรุกราน ซึ่งจะใช้กำลังรบที่จะกล่าวถึงดังต่อไปนี้ ในการเปิดฉากต่อสู้กับเหล่าสุดยอดอัศวินแอนโดร ( รวมถึงเหล่าพี่น้องอุลตร้าและหน่วยพิทักษ์อวกาศ ) อย่างเอาเป็นเอาตาย
GUA'S SOLDIER
ความสูง : 53 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่นตัน
ลักษณะพิเศษ : พลรบระดับล่างที่สุดของกองทัพกัวร์
ซึ่งจะอาศัยการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วในการต่อสู้กับศัตรู
โดยมีดาบและระเบิดขนาดพกพาเป็นอาวุธ
มันจะชอบส่งเสียงร้องว่า "กัวร์"
ALIEN MAGMA TRIO
ความสูง : 57 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่น 5 พันตัน ( หัวโจก ) , 2 หมื่นตัน ( ลิ่วล้อ )
ลักษณะพิเศษ : พวกมันได้กลายมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของกองทัพกัวร์
และได้เข้าจู่โจมเหล่าอัศวินแอนโดร
เพื่อหวังจะสร้างชื่อเสียงของพวกตนให้เลื่องลือไปทั่วทั้งจักรวาล
ก่อนที่พวกมันจะเข้าร่วมกับกองทัพกัวร์
พวกมันได้ฝึกพิเศษอย่างหนักหน่วงอยู่บนดาวแม็กม่า
ซึ่งเป็นดาวบ้านเกิดของพวกมันเอง
ทว่า,สุดท้ายพวกมันทั้ง 3 คน ก็ถูก แอนโดรเมรอส กำจัดลงไปพร้อมกัน
อนึ่ง,เนื่องจากร่างกายกว่าครึ่งค่อนของ มนุษย์ดาวแม็กม่า ตัวหัวโจก
ได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นไซบอร์ก
มันจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "มนุษย์ดาวแม็กม่าร่างดัดแปลง"
ไฟท์ติ้งเบม
พลทหารทั่วไปที่กองทัพกัวร์จะสั่งการให้ออกไปรุกรานตามที่ต่างๆ เนื่องจากพวกมันจะมีลักษณะรูปร่างคล้ายมนุษย์และพูดจาสื่อสารได้ จึงควรจะเรียกว่าเป็นพวก อมนุษย์ มากกว่าสัตว์ประหลาด โดย ไฟท์ติ้งเบม แต่ละตัวก็จะมีสังกัดขึ้นตรงต่อผู้นำทัพแต่ละคนแตกต่างกันออกไป
ไฟท์ติ้งเบม DAKMIRAN
ความสูง : 56 เมตร
น้ำหนัก : 6 หมื่น 1 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ไฟท์ติ้งเบมที่มีลักษณะคล้ายกับสัตว์มีกระดองซึ่งเป็นลูกน้องของจูด้า
มันสามารถเสนอความคิดเห็นให้กับ จูด้า ได้อย่างสุขุมรอบคอบเกินกว่าที่คาด
มันเป็นคู่ต่อสู้ให้กับ แอนโดรมาร์ส บนดาวนัทท์ β
โดยใช้กงเล็บที่มือทั้งสองข้างและพละกำลังอันมหาศาล
รุกไล่ต้อน แอนโดรมาร์ส เสียเกือบจะจนมุม
แต่สุดท้าย แอนโดรมาร์ส ก็ใช้ท่า คอสโม่บาซูก้า พิชิตมันลงได้ในที่สุด
ไฟท์ติ้งเบม PASELIA
ความสูง : 59 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 9 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ไฟท์ติ้งเบมที่มีรูปร่างคล้ายพืชซึ่งเป็นลูกน้องของกีน่า
มันได้ใช้เวทย์มนตร์เสกดอกไม้ที่อยูบนดาวกลูตัสให้กลายเป็นซาตานบิวตี้
แล้วใช้เถาวัลย์ที่แขนทั้งสองข้างกับละอองผงทำลายดวงตา
ที่ปล่อยออกมาจากศีรษะเข้าเล่นงาน แอนโดรเมรอส กับ แอนโดรโฟลว์
แต่ว่า แอนโดรเมรอส ก็ใช้ ดับเบิ้ลเซเบอร์ โจมตีเข้าไปที่ศีรษะ
ซึ่งเป็นจุดอ่อนของมันจนเอาชนะมาได้
อนึ่ง,ชื่อของมันมีที่มามาจากคำว่า "พาร์สเลย์" ที่แปลว่าผักชี
ไฟท์ติ้งเบม SHIZURUN
ความสูง : 59 เมตร
น้ำหนัก : 4 หมื่น 1 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ไฟท์ติ้งเบมซึ่งเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาของโมลด์
มันมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ไฟท์ติ้งเบมทรายดูด"
มันจะชอบเรียกตัวเองว่า "ผม" และชอบพูดสำเนียงเมือนกับเด็กๆ
แต่แท้ที่จริงแล้วมันมีนิสัยที่โหดร้ายทารุณผิดกับคำพูดคำจาของมัน
เนื่องจากมันช่ำชองการโจมตีด้วยทราย
มันเลยใช้ทรายดูดดูด แอนโดรมาร์ส ให้จมลงไปบนดาวเดลูม่า
แล้วโจมตีไล่ต้อน แอนโดรเมรอส เสียจนจนแต้ม
แต่พอ แอนโดรวูลฟ์ ปรากฎตัวเข้ามาช่วยสถานการณ์จึงเริ่มพลิกผัน
และในที่สุดมันก็ถูก ดับเบิ้ลเซเบอร์ กับ ซอร์ด U โจมตีพร้อมกันจนสิ้นใจไป
ไฟท์ติ้งเบม ZABIDEN
ความสูง : 61 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 9 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ไฟท์ติ้งเบมตัวใหม่ของ จูด้า ผู้มีกงเล็บตะขอสีเงินที่มือทั้งสองข้างเป็นอาวุธ
และจะปฏิบัติภารกิจคู่กันกับ เมก้าบัลตั้น
มันจะชอบพูดชื่อ "ซาบิเด็นๆๆๆ" ซ้ำๆไม่ยอมเลิก
มันเคยถูกท่า มาร์สออร่า กำจัดลงไปครั้งหนึ่ง
แต่ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ด้วยพลังความสามารถพิเศษของจูด้า
อีกทั้งคราวนี้มันยังสามารถทนต่อท่า คอสโม่บาซูก้า ได้อีกด้วย
แต่สุดท้าย แอนโดรโฟลว์ ได้กางบาเรียสะท้อนลำแสงของปืนใหญ่โพสิตรอน
ไปหามันกับ เมก้าบัลตั้น และเหล่าทหารของกองทัพกัวร์จนม่องเท่งไปตามๆกัน
จากนั้นเหล่าสุดยอดอัศวินแอนโดรจึงได้นำศพของมันไปฝังในหลุมศพ
อย่างสมเกียรติ
ไฟท์ติ้งเบม MECHA BALTAN
ความสูง : 50 เมตร
น้ำหนัก : 22,500 ตัน
ลักษณะพิเศษ : มนุษย์ดาวบัลตั้นที่ได้รับการดัดแปลง
โดยการฝังอุปกรณ์เข้าไปในอวัยวะบางส่วนของร่างกาย
จนกลายเป็น ไฟท์ติ้งเบม หนึ่งในพลทหารของกองทัพกัวร์
มันจะใช้ก้ามและกงเล็บเหล็กที่ถูกดัดแปลงมาในการบีบรัดและฟาดฟันศัตรู
เวลาที่มันหัวเราะเยาะมันจะแสดงอาการโดยการชูแขนทั้งสองข้างขึ้นมา
แล้วหัวเราะซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมนุษย์ดาวบัลตั้น
แต่หลังจากที่มันได้รับการดัดแปลงและอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพกัวร์
มันก็ไม่เปล่งเสียงหัวเราะเลยสักครั้ง
มันเป็นลูกน้องใต้อาณัติของ จูด้า ที่แม้ว่าจะถูกกำจัดลงไปหนหนึ่ง
แต่ก็สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ได้ทันทีด้วยพลังความสามารถพิเศษของจูด้า
และเมื่อมันคืนชีพขึ้นมาแล้วการโจมตีแบบเดิมๆก็จะใช้ไม่ได้ผลกับมันอีก
มันได้จับคู่กับ ไฟท์ติ้งเบม ซาบิเด็น
แล้วเข้าเล่นงานเหล่าสุดยอดอัศวินแอนโดรเสียจนย่ำแย่
แต่สุดท้ายมันก็ถูกการโจมตีของยานรบสัตว์ประหลาด
ที่ถูกบาเรียของ แอนโดรโฟลว์ สะท้อนกลับมาเล่นงานจนพินาศไป
พร้อมๆกับ ซาบิเด็น และเหล่าทหารกัวร์
หลังจากนั้นศพของมันจึงถูกนำไปฝังอย่างสมเกียรติ
ตามข้อเสนอของ แอนโดรโฟลว์ ที่รู้สึกสงสารพวกมัน
ที่โดนการโจมตีของพวกเดียวกันเองเล่นงาน
อนึ่ง,ในนิตยสาร "อุลตร้าแมน AGE" ได้ระบุเอาไว้ว่ามันคือร่างคืนชีพ
ของ มนุษย์ดาวบัลตั้นรุ่นแรก ที่ถูก อุลตร้าแมน กำจัดลงไปเมื่อครั้งอดีต
และในสมุดภาพของสำนักพิมพ์โชงัคคังที่วางจำหน่ายเมื่อปี ค.ศ. 1990
ก็มีภาพที่มันได้นำทัพชาวบัลตั้นคนอื่นๆกับ บิลกาโม่ อีกหลายตัวไปรุกรานโลก
และเข้าโจมตี อุลตร้าแมนทาโร่ ที่พิชิตฝูง บิลกาโม่ มาได้เสียจนจนมุม
แต่สุดท้ายมันก็ถูกเหล่าพี่น้องอุลตร้าที่เดินทางมาช่วย
ขับไล่ไปพร้อมกับพวกลูกน้องของมัน
ไฟท์ติ้งเบม EDLAS
ความสูง : 61 เมตร
น้ำหนัก : 5 หมื่น 9 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : ไฟท์ติ้งเบมตัวใหม่ของ จูด้า ที่ไปจับกุมตัว เอลป้า มา
แล้วแปลงร่างเป็นเอลป้าตัวปลอม
เพื่อหวังจะล่อให้ แอนโดรวูลฟ์ ปรากฎตัวออกมาคนเดียว
แล้วอาศัยจังหวะนั้นกำจัดเขาซะ
แต่สุดท้ายแผนการของมันก็เป็นอันต้องล้มเหลว
มันได้ใช้ บูมเมอแรงคัตเตอร์ ที่พอเขวี้ยงออกไปแล้วจะระเบิด
เข้าเล่นงาน แอนโดรวูลฟ์ กับ แอนโดรมาร์ส จนเกือบจะเสียท่า
แต่ด้วยความโกรธแค้นที่ เอลป้า ถูกฆ่าตายไป
ทั้งคู่จึงกลับมาฮึดสู้จนพลิกสถานการณ์ได้
หลังจากที่มันถูกท่า ซอร์ด U เข้าไป ในขณะที่ แอนโดรมาร์ส กำลังล็อคคอมันอยู่
สุดท้ายมันก็ถูกปิดฉากลงด้วยท่าคอสโม่บาซูก้า
สัตว์ประหลาดดัดแปลง
เหล่าสัตว์ประหลาดและมนุษย์ต่างดาวตัวฉกาจที่เคยเล่นงานพี่น้องอุลตร้ามาแล้วเมื่อในอดีตซึ่งได้รับการดัดแปลงให้มีพลังเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยจะมีการติดตั้งอุปกรณ์เมคานิคเข้าไปที่ร่างกายบางส่วน พวกมันจะปรากฎตัวแต่เฉพาะในหนังสือการ์ตูนกับนิตยสารเท่านั้น
ยานรบสัตว์ประหลาด
ยานรบที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยอาศัยเหล่าสัตว์ประหลาดที่เคยปรากฎตัวในอดีตมาเป็นต้นแบบ
ยานรบสัตว์ประหลาด GYERONIA
ความสูง : 1,313 เมตร
น้ำหนัก : 8 ล้าน 2 แสนตัน
ลักษณะพิเศษ : ยานรบสัตว์ประหลาดที่จำลองแบบมาจาก สตาร์เบม กิเอรอน
ซึ่งมี กีน่า เป็นผู้บัญชาการ
ภายในปากของมันจะมีปืนใหญ่แบล็คโฮลถูกติดตั้งอยู่ภายใน
มันถือว่าเป็นสัตว์ประหลาดจักรกลที่มีความสูงมากที่สุด
ในบรรดาสัตว์ประหลาดที่เคยปรากฎในซีรีส์อุลตร้าที่ผ่านๆมา
อนึ่ง,กิเอโรเนีย ที่ปรากฎในซีรีส์นี้จะเป็นยานรบรุ่นที่ดัดแปลงแล้ว
ยานรบสัตว์ประหลาด BEMZN
ความสูง : 990 เมตร
น้ำหนัก : 11 ล้าน 3 แสนตัน
ลักษณะพิเศษ : ยานรบสัตว์ประหลาดที่จำลองแบบมาจาก เบมสตาร์ ซึ่งมี จูด้า เป็นผู้บัญชาการ
มันสามารถยิงปืนใหญ่โพสิตรอนออกมาตรงช่วงท้องได้
ในซีรีส์ "แอนโดรเมรอส" นี้มันถือเป็นยานรบลำที่ 2
ที่ถูกดัดแปลงเสริมประสิทธิภาพมาแล้ว
ยานรบสัตว์ประหลาด KING JOEGUE
ความสูง : 960 เมตร
น้ำหนัก : 14 ล้าน 8 แสนตัน
ลักษณะพิเศษ : ยานรบสัตว์ประหลาดที่จำลองแบบมาจาก คิงโจ ซึ่งมี โมลด์ เป็นผู้บัญชาการ
มันสามารถยิงปืนใหญ่โพสิตรอนออกมาจากหลังมือได้
ถ้าไม่นับ วาคิวม่อน และ เบริวดร้า หรือสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ
ที่มีขนาดไร้ขีดจำกัดหรือวัดค่าไม่ได้แล้ว
มันก็จัดว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่มีน้ำหนักรองลงมาจาก แกรนสเฟียร์
ที่ปรากฎในซีรีส์ "อุลตร้าแมนไดน่า" ตอนสุดท้าย
JUDA
ความสูง : 60 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 2 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : หนึ่งในขุนพลผู้นำกองทัพรุกรานแห่งราชอาณาจักรกัวร์
ซึ่งเป็นน้องคนสุดท้องในกลุ่มกัวร์ 3 พี่น้อง
มันคือศัตรูคู่อาฆาตของเหล่าสุดยอดอัศวินแอนโดร
ผู้มีดาบ แบ็ทคาริเบอร์ เป็นอาวุธ และเป็นผู้บัญชาการกองทัพสัตว์ประหลาด
แม้ว่ามันจะอยู่ในฐานะน้องชายของ โมลด์ กับ กีน่า
แต่ก็ถือเป็นคนที่ประจัญหน้ากับ สุดยอดอัศวินแอนโดร ในสนามรบบ่อยที่สุด
ในบรรดาขุนพลผู้นำทัพทั้งหมด แต่อีกด้านหนึ่งมันก็มีนิสัยติดตลกอยู่ไม่น้อย
โดยจะเห็นได้จากการที่มันชอบเล่นมุกฮาๆในบางครั้ง
หลังจากนั้นมันก็ได้ไปปรากฎตัวในภาคหนังโรง "อุลตร้าแมนสตอรี่"
โดยถูกวางคาแรกเตอร์ให้เป็น "จอมราชันย์แห่งจักรวาล"
ซึ่งจะมีความขึงขังมากกว่าตอนที่มันมาปรากฎตัวในซีรีส์เรื่องนี้
เลยให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นคนละคนกัน
ต่อมาทางทีมงานจึงได้นำเอาชุดของมันไปใช้ในการแสดงบนเวทีสดช่วงแรก
ในงาน อุลตร้าแมนเฟสติวัล เมื่อปี ค.ศ. 2006
โดยได้กำหนดคาแรกเตอร์ให้เหมือนกับในภาค "อุลตร้าแมนสตอรี่"
แต่ว่าคราวนี้มันจะพกดาบคู่ใจ แบทคาริเบอร์ มาด้วย
GINA
ความสูง : 57 เมตร
น้ำหนัก : 2 หมื่น 8 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : หนึ่งในขุนพลผู้นำกองทัพรุกรานแห่งราชอาณาจักรกัวร์
ซึ่งเป็นพี่สาวคนรองในกลุ่มกัวร์ 3 พี่น้อง
เธอเป็นผู้ชำนาญการใช้แส้แม่เหล็กไฟฟ้า
ซึ่งถ้าหากเธอโกรธขึ้นมาเมื่อไหร่
เธอก็จะแสดงอารมณ์อันเกรี้ยวกราดออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง
เธอได้ไล่ตาม แอนโดรโฟลว์ ที่กำลังเดินทางมายังโลก
เพื่อออกตามหา "แกรนเทคเตอร์" ซึ่งเป็นอาวุธสุดท้าย
โดยหวังจะช่วงชิง "แกรนเทคเตอร์" ไปจาก แอนโดรโฟลว์ ทีหลัง
แต่สุดท้ายก็โดน แอนโดรโฟลว์ โจมตีสวนกลับจนสิ้นใจไปในที่สุด
MOLD
ความสูง : 58 เมตร
น้ำหนัก : 3 หมื่น 3 พันตัน
ลักษณะพิเศษ : หนึ่งในขุนพลผู้นำกองทัพรุกรานแห่งราชอาณาจักรกัวร์
ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตในกลุ่มกัวร์ 3 พี่น้อง
มันเป็นผู้ที่ถนัดในการใช้ขวานเข้าต่อสู้
ปกติมันจะให้ความเห็นอกเห็นใจกับ น้องชาย และ น้องสาว
รวมไปจนถึงพวกลูกน้องที่อยู่ใต้อาณัติของมัน
แต่อีกด้านหนึ่งมันก็มีบุคลิกที่น่าเกรงขามในฐานะที่เป็นพี่ชายคนโต
ดังจะเห็นได้จากตอนที่มันตวาด จูด้า กับ กีน่า ที่กำลังทะเลาะกันจนทั้งคู่สงบลง
GUA
ความสูง : 62 เมตร ~ ไร้ที่สิ้นสุด
น้ำหนัก : 46,500 ตัน ~ ไร้ที่สิ้นสุด
ลักษณะพิเศษ : จักรพรรดิผู้ปกครองกองทัพกัวร์ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้ายทั้งปวง
มันคือร่างที่เกิดจากกลุ่มก้อนอะมีบามารวมตัวกัน
ดังนั้นการโจมตีหรือท่าลำแสงแบบปกติทั่วๆไปจึงไม่สามารถพิชิตมันลงได้
ตัวตนที่แท้จริงของมันก็คือร่างที่เกิดจากการรวมตัวกันของ 3 ขุนพล
จูด้า , กีน่า และ โมลด์
แต่ แอนโดรเมรอส ได้สันนิษฐานว่าเดิมมันมีตัวตนอยู่เพียงหนึ่งเดียว
แต่แบ่งภาคออกเป็น จูด้า , กีน่า , โมลด์
Translated : grandking
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น